Nexus 5

The Nexus 5 was initially released for ordering at Google Play Store on 31 October 2013, in 16 GB and 32 GB versions.

Nexus 4

Google was expected to launch the Nexus 4 at a press event in New York City. However, the event was cancelled due to Hurricane Sandy, and the Nexus 4 (along with Android 4.2, the Nexus 10 tablet and Nexus 7 with cellular network support) was unveiled by Google via a press release on October 29, 2012, for a release on November 13, 2012.

Galaxy Nexus

The Galaxy Nexus was unveiled jointly by Google and Samsung on 19 October 2011 in Hong Kong. It was released in Europe on 17 November 2011.

Nexus S

The Nexus S was demonstrated by Google CEO Eric Schmidt on 15 November 2010 at the Web 2.0 Summit. Google officially announced the phone on their blog on 6 December 2010. The phone became available for purchase on 16 December in the US and on 22 December in the UK.

Nexus One

The Nexus One (codenamed HTC Passion) is an Android smartphone designed and manufactured by HTC as Google first Google Nexus smartphone. The Nexus One became available on January 5, 2010.

Tuesday, June 3, 2014

แฟลช Android 4.4.3 บน Nexus

สุดสิ้นการรอคอยหลังจากทาง Google ได้ปล่อย factory image ของ Android 4.4.3 เมื่อเช้ามืดวันอังคารที่ 2 มิถุนายน ตามเวลาในประเทศไทย สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็ปเลตตระกูล Nexus โดยปีนี้ Google มาแปลกมากที่ปล่อย factory image ก่อน OTA สำหรับใครที่ไม่รีบร้อนก็รออัพเดทผ่าน OTA ได้ คาดว่าน่าจะเริ่มทยอยปล่อยในสัปดาห์นี้แล้ว ส่วนใครที่รีบหน่อย ก็สามารถดาวน์โหลด factory image มาแฟลชเอง ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
คำเตือน...ก่อนลงมือทำ ต้องเก็บสำรองข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในโทรศัพท์ของท่านไห้เรียบร้อยก่อน ได้แก่ รายชื่อบนสมุดโทรศัพท์ ข้อความ sms mms ตารางนัดหมายปฏิทินต่างๆ เพราะขั้นตอนที่จะทำต่อไปนี้จะทำให้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นหายไปโดยไม่สามารถจะเก็บกู้คืนมาได้ และ ตัวผู้เขียนจะไม่รับผิดชอบต่อกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ในกรณีที่เครื่องของผู้อ่านเกิดขัดข้องอันเนื่องมาจากการทำของตัวท่านเอง ส่วนตัวผู้เขียนให้ได้เพียงแต่คำแนะนำเท่านั้น
ถ้าในกรณีที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านยังไม่เคยติดตั้ง Java SE ที่นี่ ติดตั้ง Android SDK ที่นี่ ติดตั้งไดร์เวอร์ผ่าน PdaNet+ for Android ที่นี่ และอัพเดต Android Bootloader Interface ที่นี่ ต้องทำกระบวนการดังกล่าวให้เสร็จก่อน แต่ถ้าเคยผ่านมาแล้ว ก็สามารถข้ามไปทำขั้นตอนถัดไปได้เลย

1. ดาวน์โหลด factory images ที่นี่ โดยเลือกให้ตรงรุ่น Nexus4 ก็ต้องใช้ไฟล์สำหรับ Nexus4 ถ้าเป็น Nexus5 ก็ต้องใช้ไฟล์สำหรับ Nexus 5 เป็นต้น ดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้แตกไฟล์เหมือนปกติทั่วไป และให้นำไฟล์ที่แตกได้ ไปเก็บไว้ที่โฟเดอร์ที่เราติดตั้ง platform-tools ไว้แล้ว

2. ปิดเครื่อง Nexus แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน (กดพร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม อาจจะติดยากนิดหน่อย) เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Nexus เข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนปกติทั่วไป

3. กลับมาที่คอมพิวเตอร์เปิด command prompt ขึ้นมาด้วยการกดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดพร้อมกับกดปุ่ม R (Windows+R) และพิมพ์ "cmd" เสร็จแล้วคลิกเลือก OK หรือจะกด Enter ก็ได้

4. เมื่อหน้าต่าง command crompt แสดงขึ้นมา ให้พิมพ์ cd.. แล้ว Enter พิมพ์ cd.. แล้ว Enter ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือ C:> แล้วค่อยพิมพ์ cd เว้นวรรคตามด้วย path ที่เราติดตั้ง Android SDK และ platform-tools ไว้ ในที่นี้พิมพ์

  • cd android-sdk-windows แล้ว Enter
  • cd platform-tools แล้ว Enter
จากนั้นตามด้วยคำสั่งต่างๆ ดังนี้

  • fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
  • fastboot erase cache แล้ว Enter
  • fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
  • fastboot erase userdata แล้ว Enter
  • fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
  • fastboot flash bootloader <filename of bootloader.img ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา> แล้ว Enter
  • fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
  • fastboot flash radio <filename of radio.img ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา> แล้ว Enter
  • fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
  • fastboot -w update <filename of image.zip ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา> แล้ว Enter
หลังจากเสร็จคำสั่งสุดท้ายให้รอจนกว่าระบบจะทำการติดตั้งเสร็จ ห้ามถอยสาย usb ที่เชื่อมต่อ Nexus กับคอมพิวเตอร์ออกเด็ดขาด เมื่อระบบทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย Nexus จะรีสตาร์ทเองอัตโนมัติ ถ้าเครื่องรีสตาร์ทไม่ผ่านหรือนานผิดปกติให้ปิดเครื่องโดยกดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าเครื่องจะปิด แล้วค่อยรีสตาร์ทเครื่องใหม่

กรณีบูทไม่ผ่าน หรือบูทนานผิดปกติ ให้กดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าเครื่องจะปิด จากนั้นกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกันอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่ Fastboot Mode จากนั้นให้ใช้ปุ่ม Volume UP  หรือ Volume Down เลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงเพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power ก็จะพบกับหุ่นกระป๋องนอนหงายท้องอยู่ จากนั้นให้กดปุ่ม Power + Volume UP หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่หน้า Android system recovery จากนั้นให้ทำการ wipe data/factory reset และ wipe cache patition เสร็จแล้วเครื่องจะรีบูทเองครับ

หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP

Wednesday, September 18, 2013

Backup & Restore ROM บน Nexus 4

สำหรับคนที่ชอบทดลองเล่น Custom ROM คงจะเคยเจอปัญหารอมไม่เสถียรบ้าง มีปัญหานั่นบ้างนี่บ้าง ไม่ชอบ UI บ้าง จนทำให้เราต้องเปลี่ยนรอมไปเรื่อยๆ และทุกครั้งที่เราแฟลชรอมใหม่ก็ต้องมานั่งลงแอพใหม่เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป แล้วถ้าเราอยากจะกลับไปรอมที่เราชอบก่อนหน้านั้นหละ โดยที่แอพและการตั้งค่าต่างๆ ยังอยู่ครบถ้วนดังเดิมทำได้ไหม ตอบว่าทำได้แต่เราจำเป็นต้อง Backup รอมนั้นๆ เก็บไว้ก่อน โดยขั้นตอนการ Backup และ Restore รอมมีดังต่อไปนี้

Backup ROM

[ 1 ] สำหรับเครื่อง Nexus 4 ที่ยังไม่ปลดล็อค Bootloader ให้ปลดล็อคก่อน สามารถดูขั้นตอนการปลดล็อคได้ที่กระทู้ Root Nexus 4 [ CLICK HERE ] โดยให้ทำถึงข้อที่ 6 พอ แต่ถ้าเครื่องปลดล็อคอยู่แล้วให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย

[ 2 ] ดาวน์โหลด Custom Recovery [ CLICK HERE ] ในที่นี้ใช้ TWRP (Team Win Recovery Project) ดาวน์โหลดเสร็จนำไฟล์ที่ได้ไปเก็บไว้ในโฟเดอร์ platform-tools ที่เราได้ติดตั้ง Android SDK ไว้

[ 3 ] ปิดเครื่อง Nexus 4 แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Nexus 4 กับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนปกติทั่วไป

[ 4 ] เปิดหน้าต่าง Command Prompt ขึ้นมาด้วยการกดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดพร้อมกับกดปุ่ม R (Windows+R) และพิมพ์ "cmd" เสร็จแล้วคลิกเลือก OK หรือจะกด Enter ก็ได้ เมื่อหน้าต่าง Command Prompt แสดงขึ้นมา ให้พิมพ์ cd.. แล้ว Enter พิมพ์ cd.. แล้ว Enter ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือ C:> แล้วค่อยพิมพ์ cd เว้นวรรคตามด้วย path ที่ติดตั้ง Android SDK ไว้ ในที่นี้พิมพ์คำสั่งดังนี้
  • cd android-sdk-windows แล้ว Enter
  • cd platform-tools แล้ว Enter

[ 5 ] แฟลช Team Win Recovery ด้วยคำสั่งดังนี้
  • fastboot flash recovery <filename of twrp-recovery.img> แล้ว Enter 
  • fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter

[ 6 ] กดปุ่ม Volume UP  หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่เมนูย่อยของ Team Win Recovery จะได้ดังภาพด้านล่าง

[ 7 ] ทัช (touch) เลือก Backup ตามด้วยคลิกเลือกทุกอย่าง ได้แก่ Boot, Recovery, System, Data และ Cache แล้ว Swipe to Back Up จากนั้นรอจนกว่าระบบจะทำการแบคอัพเสร็จค่อยเลือก Reboot System แต่ถ้า TWRP ถามว่าต้องการจะ Fix Superuser Permission ไหม ให้เลือก Do Not Fix ตามลำดับ

[ 8 ] ไฟล์ที่ Backup เสร็จแล้วจะถูกเก็บอยู่ภายในโฟเดอร์ TWRP ซึ่งเราสามารถก็อปปี้ทั้งโฟเดอร์นี้ไปเก็บไว้ยังคอมพิวเตอร์ได้ เวลาจะ Restore ค่อยก็อปปี้มาไว้ใน sdcard อีกที


Restore ROM

[ 1 ] ปิดเครื่อง Nexus 4 แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน

[ 2 ]  กดปุ่ม Volume UP  หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่เมนูย่อยของ Team Win Recovery

[ 3 ] ทัช (touch) เลือก Restore และเลือกไฟล์ที่จะ Restore

[ 4 ] เลือกทุกอย่าง ได้แก่ Boot, System, Data และ Cache แล้ว Swipe to Restore จากนั้นรอจนกว่าระบบจะทำการ Restore เสร็จค่อยเลือก Reboot System แต่ถ้า TWRP ถามว่าต้องการจะ Fix Superuser Permission ไหม ให้เลือก Do Not Fix ตามลำดับ

หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP

Wednesday, July 17, 2013

แฟลช Color ROM บน Oppo Find 5


คำเตือน...ควรเก็บสำรองข้อมูลต่างๆ ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อบนสมุดโทรศัพท์ ข้อความ SMS MMS ตารางนัดหมายต่างๆ บนปฏิทิน เพราะขั้นตอนที่จะทำต่อไปนี้อาจจะทำให้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นหายไปโดยไม่สามารถจะเก็บกู้คืนมาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวผู้เขียนจะไม่รับผิดชอบต่อกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ในกรณีที่เครื่องโทรศัพท์ของท่านเกิดขัดข้องอันเนื่องมาจากการทำของตัวท่านเอง ส่วนตัวผู้เขียนให้ได้เพียงคำแนะนำเท่านั้น!

ตรวจสอบแบตเตอรรี่บนโทรศัพท์ว่าเหลือการใช้งานถึง 50% ไหม ถ้าไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้อย่างน้อย 50% เพื่อความปลอดภัย

ขั้นตอนการแฟลช Color ROM (Firefly) มีดังนี้

กรณีแฟลชผ่าน Team Win Recovery Project

[1] OPPO Find 5 ต้องผ่านการ Root มาก่อน ถ้ายังไม่ได้ Root ดูรายละเอียดตามกระทู้นี้เลย Root OPPO Find 5

[2] ดาวน์โหลดไฟล์ Color ROM (zip ไฟล์) มาเก็บไว้ใน sdcard ให้เรียบร้อยก่อน โดยมี 4 ตัวให้เลือก ดังนี้ (แนะนำให้ใช้ Official ตัวล่าสุด)
***[2.1] Third Party Development Color ROM [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]
***[2.2] International Find 5 Beta Color ROM V1.0.0_3305G (Official Release July 26, 2013) [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]
***[2.3] International Find 5 Beta Color ROM V1.0.0_3323E (Official Release August 07, 2013) [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]
***[2.4] International Find 5 Beta Color ROM V1.0.0_3333L (Official Release August 16, 2013) [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]

[3] แฟลช OpenRecovery สำหรับ OPPO Find 5 ผ่านแอพ GooManager โดยมีขั้นตอนดังนี้

     [+] ติดตั้งแอพ GooManager ผ่าน Google Play เหมือนติดตั้งแอพพลิเคชั่นทั่วไป

     [+] เปิดแอพ GooManager ขึ้นมาใช้งาน จะมีหน้าต่าง Superuser request แสดงขึ้นมาให้เลือก Grant หรือ Allow เพื่อยอมรับสิทธิ๋การเข้าถึงสำหรับการใช้งานครั้งแรก

     [+] คลิกที่ปุ่มเมนูบน OPPO Find 5 แล้วเลือก Install OpenRecoveryScript จะมีหน้าต่าง Confirm Recovery Install แสดงขึ้นมาให้เลือก Yes แล้วจะพบกับหน้าต่าง Confirm Download, reboot, and install ให้เลือก Yes เพื่อเข้าสู่การดาวน์โหลดและติดตั้ง ให้รอจนกว่าจะขึ้นว่า Recovery has been installed! เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้ง


[4] ปิดเครื่อง (Shutdown) Oppo Find 5 จากนั้นให้บูทเข้า Team Win Recovery Project ด้วยการกดปุ่ม Volume Down + Power พร้อมกัน กดแช่ไว้ประมาณ 3-5 วินาที จะได้ดังภาพด้านล่าง โดยจะประกอบไปด้วย 6 เมนูหลัก ได้แก่ Install, Wipe, Backup, Restore, Mount, Setting, Advanced และ Reboot ซึ่งเราสามารถเลือกเมนูเหล่านี้ได้ด้วยการทัชสกรีน (Touch Screen) ได้เลย

[5] ควรจะ Backup ROM เดิมเก็บไว้ก่อน เผื่อกรณีที่เราแฟลชรอมใหม่แล้วมีปัญหาหรือไม่พอใจกับรอมใหม่ เรายังสามารถ Retore กลับรอมเดิมได้

[6] จากเมนูหลักให้เลือกเข้า Wipe เสร็จแล้วให้เลือก Swipe to Factory Reset แล้วกลับมาเลือก Format data ระบบจะให้เราพิมพ์ yes และคลิก Go ที่คีย์บอร์ดเพื่อยืนยัน กลับมาเลือกที่ Advanced Wipe โดยคลิกเลือกที่ช่อง Dalvik Cache, Data และ Cache แล้วเลือก Swipe to Wipe ตามลำดับ

[7] แฟลช ROM จากเมนูหลักให้เลือกเข้า Install ตามด้วยเลือกที่ไฟล์ ROM (zip ไฟล์ จากข้อ 2) ที่เราต้องการแฟลช และรอจนกว่าระบบจะดำเิินินการเสร์จสิ้น

[8] เสร็จขั้นตอนการแฟลช ROM แล้วให้ทำการ Fix Root ด้วย เพื่อยังคงสิทธิ์ Root ให้ใช้งานได้อยู่

[9] สุดท้าย Reboot system เป็นอันเสร็จภารกิจการแฟลชรอม


กรณีแฟลชผ่าน Stock Recovery

[1] ดาวน์โหลดไฟล์ Color ROM (zip ไฟล์) มาเก็บไว้ใน sdcard ให้เรียบร้อยก่อน

[2] ปิดเครื่อง (Shutdown) Oppo Find 5 จากนั้นให้บูทเข้า Stock Recovery mode ด้วยการกดปุ่ม Volume Down + Power พร้อมกัน กดแช่ไว้ประมาณ 3-5 วินาที

[3] เลือกภาษา En English

[4] เลือก Wipe data and cache และให้ wipe data and cache

[5] เลือก Install from sd ตามด้วยเลือกไฟล์รอม .zip ที่เราดาวน์โหลดมาเก็บไว้ใน sdcard ก่อนหน้าแล้ว

[6] เลือก Reboot เพื่อเสร็จสิ้นการแฟลช Color ROM
การ Reboot ครั้งแรกอาจจะใช้เวลานานมากกว่าปกติ ไม่ต้องตกใจ!!!
เพิ่มเติม: สำหรับ International Find 5 Beta Color ROM หลังจากที่เราติดตั้ง (แฟลช) เรียบร้อยแล้ว สิทธิื์ Root จะหายไป Fix Root ไม่ได้ผล ดังนั้นถ้าอยากใช้สิทธิ์ Root จำเป็นต้อง Root ใหม่เท่านั้น โดยสามารถใช้ .zip ไฟล์ตามลิ้งได้เลย [ Download Find5 Root Color ROM ] [ MIRROR #1 ]

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า Color ROM หรือ Firefly Project คืออะไร มีอะไรใหม่ สามารถดูวีดีโอรีวิวที่ทางคุณ Robert Olejnik และคุณ Marques Brownlee ได้รีวิวไว้ค่อนข้างละเอียด...


หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP

Sunday, July 14, 2013

Root Oppo Find 5


ก่อนอื่นอยากจะบอกว่านอกจากแบรนด์ Nexus ที่เคยใช้มาแล้วทั้ง Nexus S, Galaxy Nexus และ Nexus 4 ผมยังไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นเลย จนได้มาทดลองเล่นเจ้า OPPO Find 5 นี่แหละ ชอบมาก ลองแล้วรักเลย ที่ชอบมากที่สุดก็จะเป็น ความคมชัดของหน้าจอ Full HD ระบบเสียง Dolby Mobile นี่สุดยอดมาก อีกฟังก์หนึ่งที่ชอบมากเป็นพิเศษ คือ เราสามารถตั้งเวลาปิด (Power Off) เปิดเครื่อง (Power On) ได้ด้วย...

ทุกขั้นตอนที่ผมเขียนในบล็อคนี้เขียนจากประสบการณ์ใช้งานจริง ลองผิดลองถูกด้วยตนเองจนคิดว่าได้วิธีที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดแล้วค่อยนำมาเขียนลงบล็อค ดังนั้นถ้าทุกท่านทำตามทุกขั้นตอนอย่างละเอียด โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดก็มีค่อนข้างน้อย แต่อย่างว่าไม่มีอะไรรับประกัน 100% โปรดอ่านคำเตือนด้านล่างนี้ก่อนลงมือปฏิบัติการณ์

คำเตือน...ควรเก็บสำรองข้อมูลต่างๆ ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อบนสมุดโทรศัพท์ ข้อความ SMS MMS ตารางนัดหมายต่างๆ บนปฏิทิน เพราะขั้นตอนที่จะทำต่อไปนี้อาจจะทำให้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นหายไปโดยไม่สามารถจะเก็บกู้คืนมาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวผู้เขียนจะไม่รับผิดชอบต่อกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ในกรณีที่เครื่องโทรศัพท์ของท่านเกิดขัดข้องอันเนื่องมาจากการทำของตัวท่านเอง ส่วนตัวผู้เขียนให้ได้เพียงคำแนะนำเท่านั้น!

ขั้นตอนเบื้องต้น

[+] เปิดใช้งาน USB Debugging บน OPPO Find 5 ก่อน โดยให้เข้าไปที่เมนู Setting เลือกเปิดใช้งาน Developer options จะมีคำเตือนแสดงขึ้นมาให้คลิกเลือก OK ถัดไปให้คลิกเลือกที่ช่อง USB debugging และจะมีคำเตือนแจ้งเตือนขึ้นมาอีกครั้งให้คลิกเลือ OK เหมือนเดิม

[+] ตรวจสอบแบตเตอรรี่บนโทรศัพท์ว่าเหลือการใช้งานถึง 50% ไหม ถ้าไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้อย่างน้อย 50% เพื่อความปลอดภัย

วิธีการปรับแต่ง Registry ใน Windows

การปรับแต่ง Registry ในที่นี้ทำเพื่อให้ขั้นตอนการติดตั้ง ClockworkMod Recovery (CWM) หรือ Team Win Recovery Project (TWRP) ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยมีขั้นตอนการปรับแต่งง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ดังนี้

[1] ดาวน์โหลดไฟล์ที่จะใช้ในการปรับแต่ง Registry [Download]

[2] เปิดไฟล์ "Cmdhere.reg" จะมีหน้าต่างแจ้งเตือนแสดงขึ้นมาดังภาพด้านล่าง ให้คลิกเลือก Yes เพื่อดำเนินการขั้นตอนถัดไป
[3] สุดท้ายให้คลิกเลือก OK เพื่อเสร็จสิ้นการปรับแต่ง Registry
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: How to start a command prompt in a folder in Windows

ขั้นตอนการ Root มีดังต่อไปนี้

[1] ดาวน์โหลด Oppo Find 5 Root Scripts [ Download by Chris ] [ MIRROR #1 ] จากนั้นเชื่อมต่อ Oppo Find 5 เข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย USB Cable เหมือนปกติทั่วไป โดยเลือกโหมด Storage device และก็อปปี้ (Copy) ไฟล์ .zip ที่ได้มาเก็บไว้ใน sdcard ตามลำดับ
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Root for Oppo Find 5 (X909)

[2] ปิดเครื่อง (Shutdown) Oppo Find 5 จากนั้นให้บูทเข้า Android system recovery โหมดด้วยการกดปุ่ม Volume Down + Power พร้อมกัน โดยกดแช่ไว้ประมาณ 3-5 วินาที จะได้ดังภาพด้านล่าง

[3] โช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาเลือกที่เมนูย่อย apply update from sdcard และคลิกเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป

[4] โช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ไฟล์ find5_root_115425.zip และคลิกเลือกด้วยปุ่ม Power จากนั้นระบบจะทำการ Root และติดตั้ง Superuser ลงในเจ้า Oppo Find 5 ในขั้นที่นี้ให้รอจนกว่าระบบจะติดตั้งเสร็จ โดยเมื่อเสร็จแล้วจะขึ้นว่า Install finished ตามลำดับ

[5] สุดท้ายให้เลือก reboot system now เป็นอันเสร็จภารกิจการ Root เจ้า Oppo Find 5 !!!

ติดตั้ง AdFree เพื่อปิดโฆษณา

เมื่อ Root เสร็จแล้ว ขั้นตอนถัดไปที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือกำจัดโฆษณาที่ขึ้นอยู่ตามแอนดรอยด์แอพฯ ทิ้งไป ในที่ขอเสนอแอพที่ชื่อ AdFree การติดตั้งแอพนี้ไม่เหมือนการติดตั้งแอพทั่วไปที่มีอยู่บน Play Store คือเราต้องดาวน์โหลดไฟล์ .apk มาติดตั้งเอง เนื่องจาก AdFree ได้ถูกถอดออกจาก Play Store ไปแล้ว โดยขั้นตอนการติดตั้งมีดังนี้

[1] ดาวน์โหลดไฟล์ AdFree.apk [Download] มาเก็บไว้ใน sdcard แล้วเปิดแอพ Files ที่ติดมากับ Oppo Find 5 เอง ตามด้วยเลือก APK และเลือก adfree.apk และเลือก Verify and install ตามลำดับ

[2] เลือก Allow เลือก Install และเลือก Done เพื่อเสร็จสิ้นการติดตั้ง ตามลำดับ

[3] เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แล้วเปิดแอพ AdFree ขึ้นมาเหมือนเปิดแอพปกติทั่วไป ตามด้วยเลือก Bootup Normally เลือก Allow และเลือก Skip ตามดำดับ

[4] เลือก Download & Install Hosts ตามด้วยเลือก OK เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจขจัดโฆษณาบนแอนดรอยด์แอพฯ

...
หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP


Saturday, May 18, 2013

แฟลช Custom ROM บน Nexus 4


สำหรับ Nexus 4 ที่จะแฟลชหรือลงรอมโม (custom rom) ได้นั้น จำเป็นต้องผ่านการปลดล็อค Bootloader และแฟลช ClockworkMod Recovery มาก่อน ถ้ายังไม่ผ่านกระบวนการดังกล่าวสามารถทำตามกระทู้ด้านล่างได้เลย

[+] ปลดล็อค Bootloader สำหรับ Nexus 4 [ CLICK HERE ] ทำถึงข้อ (7) คือ ติดตั้ง ClockworkMod Recovery ก็พอ

แต่ถ้าผ่านกระบวนการดังกล่าวมาแล้วให้ดาวน์โหลดไฟล์รอมและไฟล์ Google Apps มาเก็บไว้ในเครื่องก่อน ในที่นี้จะแฟลชรอมโมจากค่าย CyanogenMod บน Android เวอนร์ชั่น 4.2.2 เพื่อเป็นแนวทาง โดยเริ่มจากดาวน์โหลดรอมและ gapps มาเก็บไว้ใน sdcard ก่อนลงปฏิบัติการณ์

[+] ดาวน์โหลดรอม CyanogenMod สำหรับ Nexus 4 [ CLICK HERE ] แนะนำให้ดาวน์โหลดตัว stable ล่าสุด
[+] ดาวน์โหลด gapps [ CLICK HERE ] โดยเลือกให้ตรงเวอร์ชั่นกับรอมที่จะใช้แฟลช

ขั้นตอนการแฟลชรอมโมมีดังต่อไปนี้

1.  เก็บไฟล์ ROM และ gapps ไว้ใน sdcard ให้เรียบร้อย แล้วปิดเครื่อง Nexus 4 เสร็จแล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน (กดพร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม อาจจะติดยากนิดหน่อย) แล้วใช้ปุ่ม Volume UP  หรือ Volume Down เลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงเพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่เมนูย่อยของ ClockworkMod Recovery ตามลำดับ

2. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe data / factory reset แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

3. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes -- delete all user data แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

4. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe cache partition แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

5. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes - Wipe Cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

6. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ advanced แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

7. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe dalvik cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

8. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes - Wipe Dalvik Cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

9. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ +++++Go Back+++++ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

10. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ install zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

11. เลือก choose zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

12. ถ้ายังไม่พบไฟล์ <filename of rom.zip> ให้เลือก 0/ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

13. เลือก <filename of rom.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

14. เลือก Yes - Install <filename of rom.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

15. รอจนกว่าจะขึ้น Install from sdcard complete

16. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ install zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

17. เลือก choose zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

18. ถ้ายังไม่พบไฟล์ <filename of gapps.zip> ให้เลือก 0/ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

19. เลือก <filename of gapps.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

20. เลือก Yes - Install <filename of gapps.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

21. รอจนกว่าจะขึ้น Install from sdcard complete

22. เลือก +++++Go Back+++++ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

23. เลือก reboot system now แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เป็นเสร็จภารกิจการแฟลชรอมโม


ขั้นตอนการแฟลช Kernel มีดังนี้

1. ดาวน์โหลดไฟล์ Kernel เก็บไว้ใน sdcard ปิดเครื่อง Nexus 4 แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน เสร็จแล้วเลือกเข้า Recovery mode

2. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe cache partition แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

3. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes - Wipe Cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

4. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ advanced แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

5. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe dalvik cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

6. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes - Wipe Dalvik Cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

7. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ +++++Go Back+++++ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

8. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ install zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

9. เลือก choose zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

10. ถ้ายังไม่พบไฟล์ <filename of kernel.zip> ให้เลือก 0/ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

11. เลือก <filename of kernel.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

12. เลือก Yes - Install <filename of kernel.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

13. รอจนกว่าจะขึ้น Install from sdcard complete

14. เลือก reboot system now แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เป็นเสร็จภารกิจการแฟลชเคอร์เนล


Custom ROM ที่น่าใช้สำหรับ Nexus 4

Kernel ที่น่าใช้สำหรับ Nexus 4

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม:
  • What is a kernel? [ CLICK HERE ]
  • ทำความรู้จักกับ ROM, KERNEL, TWEAKS, ROOT, CWM ว่าคืออะไรกันบ้าง [ CLICK HERE ]

หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP