Google was expected to launch the Nexus 4 at a press event in New York City. However, the event was cancelled due to Hurricane Sandy, and the Nexus 4 (along with Android 4.2, the Nexus 10 tablet and Nexus 7 with cellular network support) was unveiled by Google via a press release on October 29, 2012, for a release on November 13, 2012.
The Nexus S was demonstrated by Google CEO Eric Schmidt on 15 November 2010 at the Web 2.0 Summit. Google officially announced the phone on their blog on 6 December 2010. The phone became available for purchase on 16 December in the US and on 22 December in the UK.
The Nexus One (codenamed HTC Passion) is an Android smartphone designed and manufactured by HTC as Google first Google Nexus smartphone. The Nexus One became available on January 5, 2010.
2. ปิดเครื่อง Nexus แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน (กดพร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม อาจจะติดยากนิดหน่อย) เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Nexus เข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนปกติทั่วไป
3. กลับมาที่คอมพิวเตอร์เปิด command prompt ขึ้นมาด้วยการกดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดพร้อมกับกดปุ่ม R (Windows+R) และพิมพ์ "cmd" เสร็จแล้วคลิกเลือก OK หรือจะกด Enter ก็ได้
4. เมื่อหน้าต่าง command crompt แสดงขึ้นมา ให้พิมพ์ cd.. แล้ว Enter พิมพ์ cd.. แล้ว Enter ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือ C:> แล้วค่อยพิมพ์ cd เว้นวรรคตามด้วย path ที่เราติดตั้ง Android SDK และ platform-tools ไว้ ในที่นี้พิมพ์
cd android-sdk-windows แล้ว Enter
cd platform-tools แล้ว Enter
จากนั้นตามด้วยคำสั่งต่างๆ ดังนี้
fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
fastboot erase cache แล้ว Enter
fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
fastboot erase userdata แล้ว Enter
fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
fastboot flash bootloader<filename of bootloader.img ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา> แล้ว Enter
fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
fastboot flash radio<filename of radio.img ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา> แล้ว Enter
fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
fastboot -w update<filename of image.zip ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา> แล้ว Enter
หลังจากเสร็จคำสั่งสุดท้ายให้รอจนกว่าระบบจะทำการติดตั้งเสร็จ ห้ามถอยสาย usb ที่เชื่อมต่อ Nexus กับคอมพิวเตอร์ออกเด็ดขาด เมื่อระบบทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย Nexus จะรีสตาร์ทเองอัตโนมัติ ถ้าเครื่องรีสตาร์ทไม่ผ่านหรือนานผิดปกติให้ปิดเครื่องโดยกดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าเครื่องจะปิด แล้วค่อยรีสตาร์ทเครื่องใหม่
กรณีบูทไม่ผ่าน หรือบูทนานผิดปกติ ให้กดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าเครื่องจะปิด จากนั้นกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกันอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่ Fastboot Mode จากนั้นให้ใช้ปุ่ม Volume UP หรือ Volume Down เลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงเพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power ก็จะพบกับหุ่นกระป๋องนอนหงายท้องอยู่ จากนั้นให้กดปุ่ม Power +Volume UP หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่หน้า Android system recovery จากนั้นให้ทำการ wipe data/factory reset และ wipe cache patition เสร็จแล้วเครื่องจะรีบูทเองครับ
หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ Google+ Hangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP
[ 3 ] ปิดเครื่อง Nexus 4 แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Nexus 4 กับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนปกติทั่วไป
[ 4 ] เปิดหน้าต่าง Command Prompt ขึ้นมาด้วยการกดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดพร้อมกับกดปุ่ม R (Windows+R) และพิมพ์ "cmd" เสร็จแล้วคลิกเลือก OK หรือจะกด Enter ก็ได้ เมื่อหน้าต่าง Command Prompt แสดงขึ้นมา ให้พิมพ์ cd.. แล้ว Enter พิมพ์ cd.. แล้ว Enter ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือ C:> แล้วค่อยพิมพ์ cd เว้นวรรคตามด้วย path ที่ติดตั้ง Android SDK ไว้ ในที่นี้พิมพ์คำสั่งดังนี้
cd android-sdk-windows แล้ว Enter
cd platform-tools แล้ว Enter
[ 5 ] แฟลช Team Win Recovery ด้วยคำสั่งดังนี้
fastboot flash recovery<filename of twrp-recovery.img> แล้ว Enter
fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
[ 6 ] กดปุ่ม Volume UP หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่เมนูย่อยของ Team Win Recovery จะได้ดังภาพด้านล่าง
[ 7 ] ทัช (touch) เลือก Backup ตามด้วยคลิกเลือกทุกอย่าง ได้แก่ Boot, Recovery, System, Data และ Cache แล้ว Swipe to Back Up จากนั้นรอจนกว่าระบบจะทำการแบคอัพเสร็จค่อยเลือก Reboot System แต่ถ้า TWRP ถามว่าต้องการจะ Fix Superuser Permission ไหม ให้เลือก Do Not Fix ตามลำดับ
[2] ดาวน์โหลดไฟล์ Color ROM (zip ไฟล์) มาเก็บไว้ใน sdcard ให้เรียบร้อยก่อน โดยมี 4 ตัวให้เลือก ดังนี้ (แนะนำให้ใช้ Official ตัวล่าสุด)
***[2.1] Third Party Development Color ROM [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]
***[2.2] International Find 5 Beta Color ROM V1.0.0_3305G (Official Release July 26, 2013) [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]
***[2.3] International Find 5 Beta Color ROM V1.0.0_3323E (Official Release August 07, 2013) [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]
***[2.4] International Find 5 Beta Color ROM V1.0.0_3333L (Official Release August 16, 2013) [ Download ] ศึกรายละเอียดเพิ่มเติม [ CLICK HERE ]
[5] ควรจะ Backup ROM เดิมเก็บไว้ก่อน เผื่อกรณีที่เราแฟลชรอมใหม่แล้วมีปัญหาหรือไม่พอใจกับรอมใหม่ เรายังสามารถ Retore กลับรอมเดิมได้
[6] จากเมนูหลักให้เลือกเข้า Wipe เสร็จแล้วให้เลือก Swipe to Factory Reset แล้วกลับมาเลือก Format data ระบบจะให้เราพิมพ์ yes และคลิก Go ที่คีย์บอร์ดเพื่อยืนยัน กลับมาเลือกที่ Advanced Wipe โดยคลิกเลือกที่ช่อง Dalvik Cache, Data และ Cache แล้วเลือก Swipe to Wipe ตามลำดับ
[7] แฟลช ROM จากเมนูหลักให้เลือกเข้า Install ตามด้วยเลือกที่ไฟล์ ROM (zip ไฟล์ จากข้อ 2) ที่เราต้องการแฟลช และรอจนกว่าระบบจะดำเิินินการเสร์จสิ้น
[8] เสร็จขั้นตอนการแฟลช ROM แล้วให้ทำการ Fix Root ด้วย เพื่อยังคงสิทธิ์ Root ให้ใช้งานได้อยู่
[9] สุดท้าย Reboot system เป็นอันเสร็จภารกิจการแฟลชรอม
กรณีแฟลชผ่าน Stock Recovery
[1] ดาวน์โหลดไฟล์ Color ROM (zip ไฟล์) มาเก็บไว้ใน sdcard ให้เรียบร้อยก่อน
เพิ่มเติม: สำหรับ International Find 5 Beta Color ROM หลังจากที่เราติดตั้ง (แฟลช) เรียบร้อยแล้ว สิทธิื์ Root จะหายไป Fix Root ไม่ได้ผล ดังนั้นถ้าอยากใช้สิทธิ์ Root จำเป็นต้อง Root ใหม่เท่านั้น โดยสามารถใช้ .zip ไฟล์ตามลิ้งได้เลย [ Download Find5 Root Color ROM ] [ MIRROR #1 ]
สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า Color ROM หรือ Firefly Project คืออะไร มีอะไรใหม่ สามารถดูวีดีโอรีวิวที่ทางคุณ Robert Olejnik และคุณ Marques Brownlee ได้รีวิวไว้ค่อนข้างละเอียด...
หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ Google+ Hangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP
[5] สุดท้ายให้เลือก reboot system now เป็นอันเสร็จภารกิจการ Root เจ้า Oppo Find 5 !!!
ติดตั้ง AdFree เพื่อปิดโฆษณา
เมื่อ Root เสร็จแล้ว ขั้นตอนถัดไปที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือกำจัดโฆษณาที่ขึ้นอยู่ตามแอนดรอยด์แอพฯ ทิ้งไป ในที่ขอเสนอแอพที่ชื่อ AdFree การติดตั้งแอพนี้ไม่เหมือนการติดตั้งแอพทั่วไปที่มีอยู่บน Play Store คือเราต้องดาวน์โหลดไฟล์ .apk มาติดตั้งเอง เนื่องจาก AdFree ได้ถูกถอดออกจาก Play Store ไปแล้ว โดยขั้นตอนการติดตั้งมีดังนี้