Nexus 5

The Nexus 5 was initially released for ordering at Google Play Store on 31 October 2013, in 16 GB and 32 GB versions.

Nexus 4

Google was expected to launch the Nexus 4 at a press event in New York City. However, the event was cancelled due to Hurricane Sandy, and the Nexus 4 (along with Android 4.2, the Nexus 10 tablet and Nexus 7 with cellular network support) was unveiled by Google via a press release on October 29, 2012, for a release on November 13, 2012.

Galaxy Nexus

The Galaxy Nexus was unveiled jointly by Google and Samsung on 19 October 2011 in Hong Kong. It was released in Europe on 17 November 2011.

Nexus S

The Nexus S was demonstrated by Google CEO Eric Schmidt on 15 November 2010 at the Web 2.0 Summit. Google officially announced the phone on their blog on 6 December 2010. The phone became available for purchase on 16 December in the US and on 22 December in the UK.

Nexus One

The Nexus One (codenamed HTC Passion) is an Android smartphone designed and manufactured by HTC as Google first Google Nexus smartphone. The Nexus One became available on January 5, 2010.

Saturday, January 12, 2013

Galaxy Nexus กลับ Stock ROM


วิธีแฟลช Galaxy Nexus กลับไปสู่รอมของ Google หรือที่นิยมเรียกกันว่า Stock ROM ตั้งแต่ Google ปล่อย Factory Images for Nexus Devices ออกมา ก็ไม่เป็นเรื่องอยากอีกต่อไป...

ขั้นตอนการแฟลชกลับ Stock ROM มีดังนี้

1. ปิดเครื่อง Galaxy Nexus แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot Mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน (กดพร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม อาจจะติดยากนิดหน่อย) เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Galaxy Nexus เข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนปกติทั่วไป
2. กดปุ่ม Volume UP  หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่เมนูย่อยของ ClockworkMod Recovery
3. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่เมนู mounts and storage แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power จะได้ดังภาพด้านล่าง
4. เพื่อจะเคลียร์ทุกอย่างออกจากเครื่องให้ทำการฟอร์แมททุกอย่าง ดังนี้
[+] เลือก format /data and /data/media (/sdcard)
[+] เลือก format /data
[+] เลือก format /cache
[+] เลือก format /system
[+] เลือก format /sdcard
5. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ +++++Go Back+++++ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
6. เลือก reboot system now แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power ถ้า Galaxy Nexus ไม่กลับเข้าสู่หน้า Fastboot mode เอง ให้ถอดแบตเตอรี่ออกเพื่อปิดเครื่อง แล้วใส่แบตเตอรี่เข้าไปใหม่และทำการบูทเข้าหน้า Fastboot ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน (กดพร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม อาจจะติดยากนิดหน่อย) เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Galaxy Nexus เข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนปกติทั่วไป
7. เมื่อเข้าสู่ Fastboot mode ดังภาพด้านล่างแล้ว ต้องตามด้วยเชื่อมต่อ Galaxy Nexus เข้ากับคอมพิวเตอร์
8. ดาวน์โหลด Factory Images สำหรับ Galaxy Nexus แล้วแตกไฟล์จะได้ดังภาพด้านล่าง ชื่อไฟล์อาจจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่นของ Factory Images ครับ
  1. Galaxy Nexus "takju" (GSM/HSPA+) (with Google Wallet)
  2. Galaxy Nexus "yakju" (GSM/HSPA+)

9. ก็อปปี้ (Copy) ไฟล์ที่ได้ในข้อ 8 ไปไว้ที่โฟเดอร์ที่เราติด platform-tools ไว้ ถ้ายังไม่ติดตั้งให้ย้อนกลับไปติดตั้งให้เสร็จก่อน ติดตั้ง Java SE และ Android SDK [ CLICK HERE ] ถ้ายังไม่ติดตั้งไดร์เวอร์ให้ทำการ ติดตั้งไดร์เวอร์ ผ่าน PdaNet+ for Android [ CLICK HERE ] และอัพเดต Android Bootloader Interface [ CLICK HERE ] เมื่อเสร็จแล้วจะได้ดังภาพด้านล่าง
10. เปิด Command Prompt ขึ้นมาด้วยการกดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดพร้อมกับกด R (Windows+R) พิมพ์ "cmd" เสร็จแล้วคลิกเลือก OK หรือจะกด Enter ก็ได้
11. เมื่อหน้าต่าง Command Prompt ขึ้นมา ให้พิมพ์ cd.. แล้ว Enter พิมพ์ cd.. แล้ว Enter ทำแบบนี้เรื่อยๆจนกว่าจะเหลือ C:> ดังภาพด้านล่าง แล้วค่อยพิมพ์ cd เว้นวรรคตามด้วย path ที่เราติดตั้ง Android SDK และ platform-tools ไว้ ในที่นี้พิมพ์
[+] cd android-sdk-windows แล้ว Enter
[+] cd platform-tools แล้ว Enter
ตามด้วยคำสั่งต่างๆ ดังนี้
[+] fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
[+] fastboot erase cache แล้ว Enter
[+] fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
[+] fastboot erase userdata แล้ว Enter
[+] fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
[+] fastboot flash bootloader <filename of bootloader.img> แล้ว Enter
[+] fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
[+] fastboot flash radio <filename of radio.img> แล้ว Enter
[+] fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter
[+] fastboot -w update <filename of image.zip> แล้ว Enter

รอจนกว่าระบบจะทำการติดตั้งรอมเสร็จ ห้ามถอยสาย USB ออก และห้ามไฟดับเด็ดขาด เมื่อระบบทำการติดตั้งรอมเสร็จเรียบร้อย Galaxy Nexus จะรีสตาร์ทเองอัตโนมัติ ถ้าเครื่องรีสตาร์ทไม่ผ่านหรือนานผิดปกติให้ปิดเครื่องโดยกดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าเครื่องจะปิด แล้วค่อยรีสตาร์ทเครื่องใหม่

หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP


Root Galaxy Nexus GSM


ก่อนที่เราจะรูท (Root) Nexus Device ได้นั้นจำเป็นจะต้อง Unlock Bootloader ก่อน สำหรับ Galaxy Nexus มีหลายวิธี แต่ในที่นี้ขอนำเสนอการเขียนคำสั่งผ่าน Command Prompt แต่ก่อนที่จะทำการรูทต้องผ่านการติดตั้ง Java SE และ Android SDK ติดตั้งไดร์เวอร์ และอัพเดต Android Bootloader Interface ก่อน โดยทำตามลำดับดังนี้

[+] ติดตั้ง Java SE และ Android SDK [ CLICK HERE ]

[+] ติดตั้งไดร์เวอร์ ผ่าน PdaNet+ for Android [ CLICK HERE ]

[+] อัพเดต Android Bootloader Interface [ CLICK HERE ]

ถ้าผ่านขั้นการติดตั้ง Java SE และ Android SDK ติดตั้งไดร์เวอร์ และอัพเดต Android Bootloader Interface แล้ว ก็เริ่มปฏิบัติการรูทได้เลย โดยให้ดาวน์โหลดไฟล์ SuperSU เก็บไว้ใน sdcard ในเครื่อง Galaxy Nexus ก่อน และดาวน์โหลด Recovery Image โดยหลังจากดาวน์โหลดแล้วให้แตกไฟล์และนำไฟล์ที่ได้ไปวางไว้ในโฟเดอร์ platform-tools ที่เราได้ติดตั้ง Android SDK ไปก่อนหน้านี้

[+] ดาวน์โหลดไฟล์ SuperSU ที่จะใช้แฟลชผ่าน ClockworkMod Recovery โดยเลือกให้ตรงกับเวอร์ชันของ Android ที่จะรูท
[+] ดาวน์โหลดไฟล์ ClockworkMod Recovery Image สำหรับ Galaxy Nexus [ CLICK HERE ]

1. ปิดเครื่อง Galaxy Nexus แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน (กดพร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม อาจจะติดยากนิดหน่อย) เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Galaxy Nexus เข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนปกติทั่วไป สังเกตตรง Lock state จะมีสถานะเป็น Locked ดังภาพ
2. เปิด Command Prompt ขึ้นมาด้วยการกดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดพร้อมกับกด R (Windows+R) พิมพ์ "cmd" เสร็จแล้วคลิกเลือก OK หรือจะกด Enter ก็ได้
3. เมื่อหน้าต่าง Command Prompt แสดงขึ้นมา ให้พิมพ์ cd.. แล้ว Enter พิมพ์ cd.. แล้ว Enter ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือ C:> ดังภาพด้านล่าง แล้วค่อยพิมพ์ cd เว้นวรรคตามด้วย path ที่เราติดตั้ง Android SDK และ platform-tools ไว้ ในที่นี้พิมพ์
[+] cd android-sdk-windows แล้ว Enter
[+] cd platform-tools แล้ว Enter

ตามด้วยคำสั่งปลดล็อค Bootloader
[+] fastboot oem unlock แล้ว Enter
4. เมื่อผ่านคำสั่ง fastboot oem unlock ให้กลับไปที่ Galaxy Nexus ให้ใช้ปุ่ม Volume Up เลื่อนขึ้นเลือก Yes Unlock bootloader... แล้วกดปุ่ม Power เพื่อเลือกว่าเราต้องการปลดล็อค

5. เมื่อเสร็จแล้วกลับมาที่หน้าต่าง Command Prompt จะได้ดังภาพด้านล่าง แต่เวลา (ตัวเลข) อาจจะไม่เท่ากัน ไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องปกติ
6. จุดสังเกตว่าเราปลดล็อคสำเร็จไหมให้ดูตรง Lock state จะมีสถานะเปลี่ยนเป็น unlocked พร้อมกับตัวอักษรสีแดง เป็นอันเสร็จภารกิจปลดล็อค Bootloader :)
7. ติดตั้ง ClockworkMod Recovery ด้วยคำสั่งดังนี้
[+] fastboot flash recovery <filename of recovery.img> แล้ว Enter
[+] fastboot reboot-bootloader แล้ว Enter

8. กดปุ่ม Volume UP  หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่เมนูย่อยของ ClockworkMod Recovery

9. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ install zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

10. เลือก choose zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

11. ถ้ายังไม่พบไฟล์ <filename of SuperSU.zip> ให้เลือก 0/ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

12. เลือก <filename of SuperSU.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

13. เลือก Yes - Install <filename of SuperSU.zip> แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

14. รอจนกว่าจะขึ้น Install from sdcard complete

15. เลือก +++++Go Back+++++ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power

16. เลือก reboot system now แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เป็นเสร็จภารกิจการรูท

สำหรับใครที่ชอบลองรอมโม (Custom ROM) ให้ทำต่อตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

คำเตือน...ก่อนปฏิบัติการณ์ท่านควรเก็บสำรองข้อมูลต่างๆ ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อบนสมุดโทรศัพท์ ข้อความ SMS MMS ตารางนัดหมายต่างๆ บนปฏิทิน เพราะขั้นตอนที่จะทำต่อไปนี้อาจจะทำให้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นหายไปโดยไม่สามารถจะเก็บกู้คืนมาได้ และตัวผู้เขียนจะไม่รับผิดชอบต่อกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ในกรณีที่เครื่องของผู้อ่านเกิดขัดข้องอันเนื่องมาจากการทำของตัวท่านเอง ส่วนตัวผู้เขียนให้ได้เพียงแต่คำแนะนำเท่านั้น แต่โอกาสที่เครื่องของท่านจะ brick มีน้อยมาก มีไม่ถึง 0.1 % ด้วยซ้ำ

ขั้นตอนลงรอมโม (Flash Custom ROM)

1. ดาวน์โหลดไฟล์ .zip รอมโมมาเก็บไว้ใน sd card ของ Galaxy Nexus ก่อน เนื่องจาก Galaxy Nexus ไม่สามารถ mount sdcard ได้เหมือนรุ่น Nexus S ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์รอมโมมาเก็บไว้ในเครื่องก่อน ถึงจะทำการแฟลชหรือติดตั้งได้ ถ้ายังไม่มีรอมโมในดวงใจ ขอแนะนำรอมที่ชื่อ "Purity" เป็นรอมโม Android 4.2.1 (คลิกดาวน์โหลดรอม Purity version 3.1 for maguro)
2. ดาวน์โหลด ClockworkMod Recovery สำหรับ Galaxy Nexus เสร็จแล้วแตกไปแล้วก็อปปี้ (Copy) ไปไว้ในโฟเดอร์ ที่เราติดตั้ง Android SDK และ platform-tools ในข้อ 3 ข้างต้น ดังแสดงในภาพด้านล่าง
3. บูท Galaxy Nexus แล้วบูทเข้าสู่ Fastboot mode ด้วยการกดปุ่ม Volume UP + Volume Down + Power พร้อมกัน (กดพร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม อาจจะติดยากนิดหน่อย) เสร็จแล้วเชื่อมต่อ Galaxy Nexus เข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย usb cable เหมือนขั้นตอนปลดล็อค Bootloader แล้วพิมพ์คำสั่งเพื่อแฟลช recovery ดังภาพด้านล่าง

[+] fastboot flash recovery maguro-recovery.img แล้ว Enter
4. กดปุ่ม Volume UP  หรือ Volume Down เพื่อเข้าสู่ Recovery mode แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เพื่อเข้าสู่เมนูย่อยของ ClockworkMod Recovery
5. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe data / factory reset แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
6. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes -- delete all user data แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
7. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe cache partition แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
8. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes - Wipe Cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
9. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ advanced แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
10. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ wipe dalvik cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
11. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ Yes - Wipe Dalvik Cache แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
12. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ +++++Go Back+++++ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
13. ใช้ปุ่ม Volume Down เลื่อนลงมาที่ install zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
14. เลือก choose zip from sdcard แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
15. ถ้ายังไม่พบไฟล์รอม .zip ให้เลือก 0/ ดังภาพ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
16. เลือก Purity_v3.1_maguro.zip แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
17. เลือก Yes - Install Purity_v3.1_maguro.zip แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
18. รอจนกว่าจะขึ้น Install from sdcard complete ดังภาพด้านล่าง
19. เลือก +++++Go Back+++++ แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power
20. เลือก reboot system now แล้วกดเลือกด้วยปุ่ม Power เป็นเสร็จภารกิจการแฟลชรอมโม

หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP


ติดตั้ง Java SE และ Android SDK


ติดตั้ง Java SE และ Android SDK จำเป็นจะต้องติดตั้ง Java SE ก่อนเสมอ ถึงจะติดตั้ง Android SDK ผ่าน...

ขั้นตอนการติดตั้ง Java SE
1. ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง (Java SE Downloads) เลือก Java Platform (JDK) ดังภาพด้านล่าง
2. เลือกยอมรับ Accept License Agreement แล้วเลือกเวอร์ชั่นที่จะดาวน์โหลด ในที่นี้ผู้เขียนเลือกเวอร์ชั่นสำหรับ Windows x86 เนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็น 32-bit ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ 64-bit ก็ให้เลือกเวอร์ชั่น Windows x64 แทนนะครับ
3. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็เข้าสู่การติดตั้ง โดยให้คลิกขวาแล้วเลือก Run as administrator หรือจะดับเบิ้ลคลิกก็ได้เช่นเดียวกันแล้วแต่สะดวก
4. ถ้ามีป๊อปอัพของ User Account Control แสดงขึ้นมาให้เลือก Yes แล้วจะพบกับหน้าต่างเริ่มการติดตั้งให้เลือก Next เพื่อดำเนินการขั้นตอนถัดไป
5. หน้าต่างสำหรับเลือกโฟเดอร์เพื่อติดตั้ง ให้เลือก Next เพื่อดำเนินการขั้นตอนถัดไป
6. ระบบจะทำการติดตั้งดังภาพด้านล่าง
7. หน้าต่างสำหรับเลือกโฟเดอร์เพื่อติดตั้ง ให้เลือก Next เพื่อดำเนินการขั้นตอนถัดไป
8. ระบบจะทำการติดตั้งดังภาพด้านล่าง
9. คลิกเลือก Close เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการติดตั้ง Java SE


ขั้นตอนการติดตั้ง Android SDK
1. ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง (คลิกเพื่อดาวน์โหลด Android SDK) ให้เลือก Download the SDK
2. เลือก I have read and agree with the above terms and conditions แล้วเลือกระบบคอมพิวเตอร์ในที่นี้เลือก 32-bit แล้วเลือก Download the SDK ADT Bundle for Windows ดังภาพด้านล่าง
3. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้แตกไฟล์ออกมา ให้คลิกขวาที่ SDK Manager แล้วเลือก Run as administrator หรือจะดับเบิ้ลคลิกก็ได้เช่นเดียวกันแล้วแต่สะดวก
4. ถ้ามีป๊อปอัพของ User Account Control แสดงขึ้นมาให้เลือก Yes แล้วจะพบกับหน้าต่างเริ่มการติดตั้งให้เลือก Next เพื่อดำเนินการขั้นตอนถัดไป เมื่อเข้าสู่หน้าต่างการติดตั้ง Android SDK Manager ให้คลิกเลือกที่ Android SDK Tools และ Google USB Driver แล้วคลิกเลือก Install 1 package... ดังภาพด้านล่าง
5. เลือกยอมรับ Accept All แล้วคลิกเลือก Install เพื่อดำเนินการติดตั้ง
6. รอจนกว่าจะสถานะจะแสดงว่า "Done loading packages" ดังภาพด้านล่าง

หมายเหตุ: ติดขัดขั้นตอนไหน สามารถ GoogleHangouts สอบถามเพิ่มเติมได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวสามารถใช้ได้ทั้ง Windows 8/Windows 7/Vista/XP